ใบความรู้ที่ 2

ใบความรู้ที่ ๒
เรื่อง เทคนิคการเขียนเรียงความที่ดี

ลักษณะเรียงความที่ดี
    .  มีเอกภาพ  หมายความว่า เนื้อเรื่องจะต้องมีเนื้อหาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่กล่าว

         นอกเรื่อง เรียงความจะมีเอกภาพหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการวางโครงเรื่อง
๒.    มีสัมพันธภาพ  หมายความว่า เนื้อหาจะต้องมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันตลอดความสัมพันธ์ต่อเนื่องของเนื้อหาเกิดจากการจัดลำดับความคิดและการวางโครงเรื่องที่ดีและเกิดจากการเรียบเรียงย่อหน้าอย่างมีระเบียบ 
๓.   มีสารัตถภาพ  หมายความว่า เรียงความแต่ละเรื่องจะต้องมีสาระสมบูรณ์ตลอดทั้งเรื่อง ความสมบูรณ์ของเนื้อหาเกิดจากการวางโครงเรื่องที่ดี 


หลักการเขียนคำนำ

          ผู้เขียนต้องเลือกวิธีเขียนคำนำให้เหมาะสมกับประเภทของงานเขียนและเนื้อหาที่เขียน โดยปกติมักจะนิยมเขียนคำนำเพียงย่อหน้าเดียว การเขียนคำนำสามารถกระทำได้หลายวิธี  
ลักษณะของคำนำที่ดี 
          -  เขียนได้ตรงและสอดคล้องกับเรื่องที่เขียน มีความกระชับและเร้าความสนใจ
          -  ไม่เขียนอ้อมค้อมจนไกลจากเรื่องที่เขียนเพราะจะทำให้ผู้อ่านไม่ทราบจุดประสงค์ชัดเจนว่าจะเขียนเรื่องอะไร 
          -  ไม่เขียนให้ยาวเกินไปดูไม่ได้สัดส่วนกับเนื้อเรื่อง คำนำที่ดีควรมีเพียงย่อหน้าเดียวอาจมีความยาวประมาณ 4-๕ บรรทัด (ยกเว้นมีคำประพันธ์ผสมอยู่ด้วย)  
         -  ในการเขียนไม่ควรถ่อมตนว่าไม่พร้อมหรือไม่เชี่ยวชาญในเรื่องที่เขียนซึ่งอาจมีผลทำให้ผู้อ่านไม่สนใจอ่านก็ได้  
ตัวอย่างการเขียนคำนำ
- คำนำที่เริ่มด้วยการยกคำพูด คำคม หรือสุภาษิตที่น่าสนใจ
          “ใครทำให้ข้าเสียใจชั่วครู่ ข้าจะทำให้มันเสียใจไปตลอดชีวิตเป็นคำกล่าวของพระนางซูสีไทเฮาผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยปลายราชวงศ์ชิง ซึ่งมิใช่คำขู่หรือคำเล่าลือที่ไร้ความจริง ความยำเกรงของผู้คนทั้งในราชสำนักทหารพลเรือนและประชาชนทั่วแผนดินที่มีต่อพระนางเป็นสิ่งยืนยันคำกล่าวข้างตนนี้เป็นอย่างดีและยังบอกให้รู้ถึงอำนาจอันล้นฟ้าของผู้อยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์และองค์จักรพรรดิเป็นเวลานานถึง ๔๗ ปี

(ดวงดาว  ทิฆัมพร.  “ซูสีไทเฮา  หญิงบ้านนอกผู้ตั้งตัวเป็นเจ้าชีวิต,”  มิติใหม่.  ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๔หน้า  ๗๔)
- คำนำที่เริ่มด้วยบทร้อยกรอง 
            “สงสารคำทำการนานแล้ว          ดูไม่แคล้วตาไปในหนังสือ
             มันถูกใช้หลายอย่างไม่วางมือ       แต่ละมื้อตรำตรากยากเต็มที
             ตำรวจเห็นโจรหาญทำการจับ      โจรมันกลับวิ่งทะยานทำการหนี
             ทำการป่วยเป็นลมล้มพอดี          ทำการจี้จับหมายว่าตายเอย 
          วันนี้เริ่มต้นด้วยคำกลอนให้เต็มที่เสียหน่อย เปล่า ผู้เขียนไม่ได้เก่งกาจถึงกับแต่งขึ้นมาเองดอกแต่กลอนข้างบนนี้เป็นพระนิพนธ์ของ น.ม.ส.  ปรากฏในหนังสือประมวญวันเกือบ ๔๐ ปีมาแล้ว แสดงว่ามีคนรำคาญคำว่า ทำการ กันมานานแสนนานแล้วถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังรำคาญอยู่เพราะแม้แต่ในรายการโทรทัศน์ยอดนิยมรายการหนึ่ง คือ รายการภาษาไทยวันละคำ ก็ยังกล่าวไว้  
                   (นิตยา  กาญจนวรรณ, “เรื่องของ ทำการ”,” ใน พูดจากภาษาไทย, หน้า ๑๕๙)  

- คำนำที่โน้มน้าวและชักจูงให้ผู้อ่านเห็นคล้อยตาม
          กินมากแล้วก็ต้องอ้วนเป็นเรื่องธรรมดาที่รู้ ๆ กันอยู่  แต่คนสมัยนี้ไม่อยากอ้วนเพราะอ้วนแล้วสร้างปัญหาให้มากมายทั้งโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคเกาต์และโรคความดันโลหิตสูง บางครั้งก็มีปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คนส่วนใหญ่จึงอยากจะผอม แต่ถ้าต้องการผอมก็หยุดกิน เรื่องที่จะทำให้คนอ้วนหยุดกินเป็นการแนะนำง่ายแต่ปฏิบัติตามได้ยาก การสอนคนอ้วนให้กินอย่างถูกวิธีจึงน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า
               (วินัย  ดะส์ลัน,  “กินให้ผอม.”  เนชั่นสุดสัปดาห์ปีที่ ๔ แบบฉบับที่ ๑๙๖,  (๘-๑๔ มีนาคม ๒๕๓๙)

- คำนำที่กล่าวถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะเขียนเพื่อนำเข้าสู่เรื่อง
          ในบรรดาสิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุด ได้แก่ สถูปเจดีย์และสถูปเจดีย์ที่มีทั้งความเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในเมืองไทยแห่งหนึ่ง คือ พระปฐมเจดีย์  
                    (วิบูลย์  ลี้สุวรรณ, “พระปฐมเจดีย์”  ใน ๕ นาทีกับศิลปะไทยหน้า ๒๓๓.)
- คำนำที่เริ่มด้วยคำถามหรือข้อความน่าประหลาดใจ  
          ในนิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่ มีข้อความบางตอนอ้างถึงของวิเศษอย่างหนึ่งเรียกว่าตราราหู มีลักษณะประหลาดโดยรูปลักษณ์และคุณสมบัติทำให้เกิดความทึ่งแก่ผู้อ่านว่าสิ่งนี้คืออะไรแน่และสุนทรภู่ไปได้ความคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้มาจากไหน เรื่องตราราหูเป็นอย่างไรน่าจะพิจารณาดู  
                                  (ศักดิ์ศรี  แย้มนัดดา.  “ตราราหูในพระอภัยมณี.”  ใน  วรรณวิทยา.  หน้า ๙๑)



วิธีการเขียนสรุป
          การสรุปควรมีความสอดคล้องกับคำนำและสาระของเรื่อง การเขียนย่อหน้าสรุปไม่ควรยาวเกินไป ประมาณ ๕-๗ บรรทัด  อาจมีคำประพันธ์ประสมอยู่ด้วย แต่ให้มีความกระชับประทับใจผู้อ่าน วิธีการสรุปมีหลายวิธี ผู้เขียนอาจนำวิธีการเขียนคำนำบางวิธีมาใช้ในการสรุปได้ เช่น การสรุปด้วยคำถาม การสรุปด้วยคำคม สุภาษิตและบทร้อยกรองหรือสรุปด้วยข้อความที่ให้แง่คิดเป็นต้น  
ตัวอย่างการเขียนสรุปความ
- การสรุปด้วยการฝากข้อคิดและความประทับใจให้แก่ผู้อ่าน

          ดังนั้นถ้าเราอยากให้น้ำใจเกิดขึ้นในสังคมของเรา เราต้องลงมือปฏิบัติด้วยตนเองกันทุกคนอย่ามัวเรียกร้องให้คนอื่นมีน้ำใจเพราะถ้าเราไม่มีน้ำใจการเรียกร้องให้ผู้อื่นมีน้ำใจต่อเราจะกลายเป็นความเห็นแก่ตัวและถ้าเรามีน้ำใจแล้วก็ไม่ต้องเรียกร้องให้ใครมีน้ำใจ  น้ำใจของเราต่างหากที่จะเพาะความมีน้ำใจให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่นโดยไม่ต้องเรียกร้อง                (ปรีชา ช้างขวัญยืน.คอลัมน์ปากกาขนนก เรื่องน้ำใจ,สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์.ปีที่ ๔๑ ฉบับที่ ๒๗,หน้า  ๕๘.)
- การเขียนสรุปด้วยข้อคำคม สุภาษิตและบทร้อยกรอง
          ขณะนี้วิชชาอันเนื่องมากจากลัทธิบริโภคนิยมได้เข้าไปสั่นคลอนจรรยาบรรณในทุกวิชาชีพ 
ทำให้ผู้คนมักมากและมีวิธีการสร้างความยอมรับแปลก ๆ ไม่ได้เว้นแม้แต่นักวิชาการและครูบาอาจารย์  โชคยังดีอยู่บ้างที่ยังเหลือผู้เข้มแข็งออกมาแสดงบทบาทให้ในระดับสาธารณะอยู่บ้างประปรายเป็นกระแสธารน้อยที่ไหลแรงมิพักจะหยุดไหลมีบทบาทสมดังคำยกย่องของกวีของชาติ
เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์”  ที่กล่าวว่า 
                       ครูคือผู้ชี้นำทางความคิด          ให้รู้ถูกรู้ผิดคิดอ่านเขียน
                   ให้รู้ทุกข์ยากรู้พากเพียร         ให้รู้เปลี่ยนแปลงสู้รู้สร้างงาน
                   ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์ ให้สูงสุดกว่าสัตว์เดรัจฉาน
                   ครูคือผู้สั่งสมอุดมการณ์           ปณิธานเพื่อมวลชนใช่ตนเอง
      (กมลสมัย  วิชิระไชยโสภณ. นักวิชาการกับสังคม, “ก้าวไกล. ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๑๒,หน้า ๒๓) 

- การเขียนสรุปด้วยคำถามให้ผู้อ่านเก็บไปคิดหรือไตร่ตรองต่อไป  
          ภาษาไทยปัจจุบันนี้กำลังเสื่อมมาก ถึงเวลาหรือยังที่เราจะคิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังน่าจะกำหนดไว้ในนโยบายของรัฐบาลได้แล้ว ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนการค้นคว้าศึกษาเรื่องภาษาไทยเพื่อเป็นการให้ภาษาไทยมีความเจริญมั่นคงสมกับที่ภาษาเป็นวัฒนธรรมสำคัญยิ่งของชาติ  
                             (เปลือง ณ นคร. ศาลฎีกาแห่งภาษา”. สารสถาบันภาษาไทย. ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๓, หน้า ๒๔.)
-การเขียนสรุปด้วยการชักชวนให้ปฏิบัติตาม
          ที่กล่าวมานั้นเป็นวิธีการโกงการเลือกตั้งอย่างเห็นได้ชัด  ดังนั้นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งควรใช้วิจารณญาณของท่านตัดสินดูพฤติกรรมของผู้สมัครรับเลือกตั้งว่าเป็นเช่นไร  หากพบเห็นความไม่ชอบมาพากล หรือพบการทุจริตอย่างเห็นได้ชัด  อย่าคิดว่าธุระไม่ใช่แต่ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมเพื่อขจัดคนเลวให้พ้นจากวงจรประชาธิปไตยของเรา ขอให้เราเริ่มต้นกันตั้งแต่บัดนี้เพื่อประชาธิปไตยที่สดใสของเราในวันหน้า  
                                       (สำนักงานสารนิเทศ. การซื้อเสียง”, ใน ใจถึงใจ เล่ม ๒. หน้า ๕๑.)


การใช้โวหารในการเขียน
โวหาร หมายถึง วิธีการเขียนเรียบเรียงข้อความให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง โวหารที่ใช้ในการเขียนเรียงความ ได้แก่ พรรณนาโวหาร บรรยายโวหาร อุปมาโวหาร เทศนาโวหาร สาธกโวหารและอธิบายโวหาร

๑. บรรยายโวหาร หมายถึง การเขียนอธิบายหรือบรรยายเหตุการณ์ที่เป็นข้อเท็จจริงตามลำดับเหตุการณ์ เป็นการเขียนตรงไปตรงมา ไม่เยิ่นเย้อมุ่งความชัดเจนเพื่อให้ผู้อ่านได้รับความรู้ความเข้าใจเช่น การเขียนเล่าเรื่องเล่าเหตุการณ์ การเขียนรายงาน เขียนตำราและเขียนบทความ
          ตัวอย่าง ช้างยกขาหน้าให้ควาญเหยียบขึ้นนั่งบนคอ ตัวมันสูงใหญ่ใบหูไหวพะเยิบ หญิงบนเรือนลงบันไดมาข้างล่าง เธอชูแขนยื่นผ้าขาวม้าและข้าวห่อใบตองขึ้นมาให้เขา
๒. พรรณนาโวหาร หมายถึง การเรียบเรียงข้อความโดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับบุคคล สิ่งของ ธรรมชาติ สภาพแวดล้อม ตลอดจนความรู้สึกต่าง ๆ ของผู้เขียนโดยเน้นให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ความรู้สึกร่วมกับผู้เขียน
          ตัวอย่าง “ สมใจเป็นสาวงามที่มีลำแขนขาวผ่องทั้งกลมเรียวและอ่อนหยัด  ผิวขาวละเอียดเช่นเดียวกับแขน ประกอบด้วยหลังมืออวบนูน นิ้วเล็กเรียว หลังเล็บมีสีดังกลีบดอกบัวแรกแย้ม
๓. เทศนาโวหาร หมายถึง การเขียนอธิบาย ชี้แจงให้ผู้อ่านเข้าใจ ชี้ให้เห็นประโยชน์หรือโทษของเรื่องที่กล่าวถึง เป็นการชักจูงให้ผู้อื่นคล้อยตาม เห็นด้วยหรือเพื่อแนะนำสั่งสอนปลุกใจหรือเพื่อให้ข้อคิดคติเตือนใจผู้อ่าน
         ตัวอย่าง “ การทำความดีนั้นเมื่อทำแล้วก็แล้วกันอย่าได้นำมาคิดถึงบ่อยราวกับว่าการทำความดีนั้นช่างยิ่งใหญ่นัก ใครก็ทำไม่ได้เหมือนเรา ถ้าคิดเช่นนั้นความดีนั้นก็จะเหลือเพียงครึ่งเดียวแต่ถ้าทำแล้วก็ไม่น่านำมาใส่อีก คิดแต่จะทำอะไรต่อไปอีกจึงจะดี จึงจะเป็นความดีทีสมบูรณ์ไม่ตกไม่หล่น
๔. อุปมาโวหาร หมายถึง การเขียนเป็นสำนวนเปรียบเทียบที่มีความคล้ายคลึงกันเพื่อทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยการเปรียบเทียบสิ่งของที่เหมือนกัน เปรียบเทียบโดยโยงความคิดไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง หรือเปรียบเทียบข้อความตรงกันข้ามหรือข้อความที่ขัดแย้งกัน
         ตัวอย่าง“ อันว่าแก้วกระจกรวมอยู่กับสุวรรณ ย่อมได้แสงจับเป็นเลื่อมพรายคล้ายมรกต ผู้ที่โง่เขลาแม้ได้อยู่ใกล้นักปราชญ์ ก็อาจเป็นคนเฉลียวฉลาดได้ฉันเดียวกัน
๕. สาธกโวหาร หมายถึง การหยิบตัวอย่างมาอ้างอิงประกอบการอธิบายเพื่อสนับสนุนข้อความที่เขียนไว้ให้ผู้อ่านเข้าใจและเกิดความเชื่อถือ
         ตัวอย่าง“ อำนาจความสัตย์เป็นอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่เพียงแต่จับหัวใจคนแม้แต่สัตว์ก็ยังมีความรู้สึกในความสัตย์ซื่อ เมื่อกวนอูตายแล้วม้าของกวนอูก็ไม่ยอมกินหญ้ากินน้ำและตายตามเจ้าของไปในไม่ช้า ไม่ยอมให้หลังของมันสัมผัสกับผู้อื่นนอกจากนายของมัน
หลักการใช้สำนวนภาษาในเรียงความ
          ๑. ใช้คำให้ถูกหลักการใช้
          ๒. ไม่ใช้ภาษาพูด
          ๓. ไม่ใช้ภาษาแสลง
          ๔. หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์ที่ยากและไม่จำเป็น
          ๕. ใช้ภาษาให้ถูกตามกาลเทศะและบุคคล

          ๖. ผูกประโยคให้กระชับวางส่วนขยายเหมาะสม
สิ่งที่ควรคำนึงในการเขียนเรียงความ
๑.  เนื้อความในย่อหน้าต้องเสนอความคิดที่เป็นประเด็นเดียวกัน  มีความเป็นเอกภาพ  และแต่ละย่อหน้าต้องมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์เรียบเรียงตามลำดับความคิดเป็นเรื่องเดียวกัน
๒.  การเตรียมความรู้และความคิดในการเขียนเรียงความ  จำเป็นต้องเลือกเขียนเรียงความในเรื่องที่ตนเองมีความรู้และความสนใจ  รวมทั้งมีข้อมูลในการเขียนมากที่สุด
๓.  การเลือกใช้ถ้อยคำ ควรคำนึงถึงความเหมาะสมของเรื่องที่จะเขียน มีการใช้โวหารประกอบ ใช้ภาษาระดับทางการ ส่วนภาษาพูด คำทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ คำย่อไม่ควรนำมาใช้ในการเขียนเรียงความ
๔.  กลไกในการเขียนเกี่ยวกับการเขียนตัวสะกดการันต์ การเว้นวรรคตอน การเรียบเรียงถ้อยคำ การใช้ภาษา การเลือกสรรคำที่เหมาะสมและถูกต้อง สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้งานเขียนเรียงความมีความงดงามและน่าติดตามอ่านจนจบ 
       เมื่อผู้เขียนได้ดำเนินการตามขั้นตอนในการเขียนเรียงความมาโดยลำดับ นับตั้งแต่การเลือกเรื่องการเขียนโครงเรื่อง การเรียบเรียงเนื้อเรื่องตามองค์ประกอบของเรียงความและการเขียนย่อหน้าที่ดีผู้เขียนก็จะได้เรียงความเรื่องหนึ่ง แต่เรียงความเรื่องนั้นยังนับว่าไม่สมบูรณ์ ถ้ายังไม่ได้ทบทวนเพื่อแก้ไขปรับปรุง การตรวจทานเป็นขั้นตอนการเขียนขั้นสุดท้ายที่จำเป็น ไม่ควรละเลยขั้นตอนนี้อย่างเด็ดขาดเพราะจะได้ตรวจทานว่าเรื่องนั้นมีภาษาและเนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่  เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์อีกครั้งหนึ่งก่อนส่งครู
เทคนิคการฝึกฝนการเขียนเรียงความ
          ๑. เลือกเรื่องที่ตนเองสนใจ
          ๒. เริ่มต้นจากการเขียนเรื่องง่าย ๆ
          ๓. การเขียนครั้งแรกอาจเขียนเป็นประโยคคร่าวๆ ไว้ก่อน เพื่อเป็นการสร้างโครงเรื่อง
          ๔. ฝึกขยายข้อความจากประโยคหรือโครงเรื่องที่ตั้งไว้
          ๕. ลงมือเขียนทันทีที่พบเห็นสิ่งใดหรือเมื่อเกิดความคิดขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น